-
หลังจาก 1 เดือน
คุณจะต้องจ่าย บ. -
หลังจาก 6 เดือน
คุณจะต้องจ่าย บ. -
หลังจาก 1 ปี
คุณจะต้องจ่าย บ. -
หลังจาก 5 ปี
คุณจะต้องจ่าย บ.
สสส. จัดกิจกรรม “Thailand Big move Rode Safety” รณรงค์ลดอุบัติเหตุสู่เส้นทางถนนปลอดภัย เปิดพื้นที่นำร่อง 10 จังหวัด แก้ 30 จุดเสี่ยง สร้างถนนปลอดภัย
(2 เม.ย. 62) ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และ นพ.พลเดช ปิ่นประทีป เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เปิดกิจกรรม“Thailand Big move Road Safety” เพื่อรณรงค์ลดอุบัติเหตุสู่เส้นทางถนนปลอดภัย โดย สสส.ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ(สช.) และเครือข่ายประชาชนร่วมเป็นกำลังในการช่วยสอดส่องดูแลให้ถนนปลอดภัยไร้อุบัติเหตุรับกับเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้านี้ด้วย
ปัญหาและสาเหตุหลักของอุบัติเหตุบนท้องถนนในบ้านเรา มักเกิดจากองค์ประกอบสำคัญหลัก 3 อย่างคือ คน รถ ถนน ซึ่งคนดูจะเป็นปัญหาสำคัญ เพราะจากการวิเคราะห์ของฝ่ายวิชาการและเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมการขับขี่ ล่าสุดของปี 2561 มีการออกใบสั่งจำนวน 11,734,415 ใบ และมีจำนวนผู้ชำระค่าปรับเพียง 18% ยังพบว่าคนไทยมีใบสั่งซ้อนสูงสุด 144 ใบใน 1 ปี ในส่วนของ ถนน นับว่ายังมีจุดเสี่ยงอยู่มาก เพราะจากการวิจัยของฝ่ายวิชาการชี้ว่า องค์ประกอบของสาเหตุอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น 27% เกิดจากถนนและสิ่งแวดล้อมนั่นเอง (ข้อมูลจากศูนย์วิจัยอุบัติเหตุแห่งประเทศไทย) ซึ่งกิจกรรมในวันนี้มีทั้งภาครัฐและภาคเครือยข่ายประชาชน ถ้าหากได้รับฟังปัญหาจากประชาชนที่ใช้รถใช้ถนนเอง ก็จะได้ร่วมกันช่วยแก้ไขปัญหาต่อไป
และเพราะในทุกปีช่วงเทศกาลสำคัญของไทย ไม่ว่าจะวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ หรือวันสงกรานต์ ก็ล้วนแต่เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนเยอะทั้งสิ้น เนื่องจากประชาชนต่างก็เดินทางกลับภูมิลำเนาของตนเอง ซึ่งตรงนี้เองที่ทาง สสส. เห็นถึงความสำคัญที่อยากจะลดอุบัติเหตุที่อาจเกิดความสูญเสียของชีวิตขึ้นได้
ดร.สุปรีดา ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวถึงมาตรการป้องกันอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ว่า เกี่ยวกับโครงการลดอุบัติเหตุบนท้องถนนนั้น ทางสสส. ก็ได้พยายามทำมาตลอด และก็มีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จากมาตรการที่ได้ลงมือทำกันมาถือว่าได้ผล ซึ่งมันก็เป็นวาระแห่งชาติ ที่ศูนย์ความปลอดภัยของถนนแห่งชาติ ปีนี้ที่ย้ำมากๆก็คือเรื่อง อำเภอเสี่ยง ใน 283 อำเภอ ซึ่งมีสถิติการเกิดอุบัติเหตุที่สูงกว่าอำเภอทั่วไป และเน้นย้ำในเรื่องการขับขี่มอเตอร์ไซค์ ที่ผู้ขับขี่ต้องสวมหมวกนิรภัยทุกครั้ง ในส่วนของภาคส่วนอื่นๆก็มีการประสานงานกันอยู่แล้ว ซึ่งเราก็คิดว่าภาคประชาชนในชุมชนต่างๆต้องเข้ามาร่วมมือมากขึ้น
ด้าน นพ.พลเดช เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กล่าวเสริมว่า ประชาชนเราต้องเปลี่ยน จากที่คอยเป็นหูเป็นตาในเรื่องการสอดส่องอุบัติเหตุ ต้องเปลี่ยนมาร่วมกันแสดงออก ลุกขึ้นมาเป็นพลเมืองที่ใช้รถใช้ถนนให้ลดการเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งถ้าโครงการนี้ได้รับความร่วมมือจากประชาชน เราจะขยายออกไปให้เข้มแข็งและกว้างขวางทั่ว 77 จังหวัด เราเชื่อว่าถ้าทำตามมาตรการนี้ไปสักหนึ่งปี การตายบนท้องถนนน่าจะลดลง การเจ็บลดลงหนึ่งคน หรือการตายลดลงหนึ่งคนนั้น มันเป็นความคุ้มค่าอยู่แล้วของโครงการ แล้วลองดูกันว่าในปีนี้ กับรอไปเปรียบเทียบกับช่วงนี้ในปีหน้า สถิติมันจะลดลงหรือไม่
อ่านต่อที่ อีจัน
19 ก.ค. 65 / อ่าน 1396
17 ก.ค. 65 / อ่าน 1731
12 ก.ค. 65 / อ่าน 1511
12 ก.ค. 65 / อ่าน 917
12 ก.ค. 65 / อ่าน 868