• หน้าแรก
  • เกี่ยวกับเรา
  • Stopdrink TV
  • Clip Video
  • สื่อรณรงค์
  • รวมลิงค์
  • ประกาศจัดซื้อจัดจ้าง
  • ติดต่อเรา
  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับเรา
  • Stopdrink TV
  • สื่อรณรงค์
  • Clip Video
  • รวมลิงค์
  • ติดต่อเรา

‘สาธิต’ เผย สธ.จ่อออก กม.เจาะเลือดตรวจแอลกอฮอล์ ใช้หักแต้มใบขับขี่ในอนาคต

หมวดหมู่ ข่าวรอบสัปดาห์, วันที่ 5 เมษายน 65 / อ่าน : 482


สาธิต เผย สธ.จ่อออก กม.ใช้วิธีเจาะเลือดตรวจหาแอลกอฮอล์ กรณีมีอุบัติเหตุทางถนน ใช้หักแต้มใบขับขี่ในอนาคต

เมื่อวันที่ 4 เมษายน ที่ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในการแถลงข่าวชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ “ขับไม่ดื่ม ดื่มไม่ขับ” กล่าวว่า

สธ. ตระหนักถึงปัญหาบาดเจ็บและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน ด้วยการระบาดโควิด-19 มีการจำกัดการเดินทาง งดกิจกรรมการรวมกลุ่ม งดจัดกิจกรรมช่วงปีใหม่และสงกรานต์ ทำให้ปี 2564 มียอดผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนลดลง รวมถึงการตั้งด่านตรวจบูรณาการป้องกันควบคุมโรคและบังคับใช้กฎหมาย ทำให้พฤติกรรมดื่มแล้วขับลดลง

โดยมีผู้เสียชีวิต 16,957 คน คิดเป็น 25.92 ต่อประชากรแสนคน ใกล้เคียงกับเป้าหมายของแผนแม่บทฉบับที่ 5 ที่จะลดผู้เสียชีวิตให้ต่ำกว่า 25.03 ต่อประชากรแสนคน แต่ปัจจุบันมีการเปิดประเทศ มีการท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้น อาจส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุ มีผู้บาดเจ็บ หรือเสียชีวิตเพิ่มขึ้นได้ โดยเฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ประชาชนจะมีการใช้รถใช้ถนนทั้งเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวกันจำนวนมาก

โดยสาเหตุหลักในการเกิดอุบัติเหตุมาจากพฤติกรรมของผู้ขับขี่ คือ ความประมาทในการขับขี่ ขับรถเร็ว ดื่มสุราก่อนขับขี่ ไม่ใช้หมวกนิรภัยและเข็มขัดนิรภัย ซึ่งเป็นสาเหตุที่ป้องกัน หรือหลีกเลี่ยงได้ ทั้งนี้ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ขอให้เดินทางอย่างปลอดภัย ยึดหลัก ขับไม่ดื่ม ดื่มไม่ขับ ปฏิบัติตามมาตรการ 3 ด่าน 3 ม. คือ ด่านตัวเอง ด่านครอบครัว ด่านชุมชน และ 3 ม. ใส่หมวก สวมแมสก์ ไม่เมา ตรวจ ATK ก่อนกลับบ้านพบญาติผู้ใหญ่ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ เมื่อกลับถึงบ้านแล้วใช้มาตรการ Family bubble and seal รดน้ำขอพร รับประทานอาหาร ฉลองกันในครอบครัว หลีกเลี่ยงการออกไปสังสรรค์นอกบ้าน

“สำหรับแผนในอนาคต กรณีที่มีการกระทำผิดกฎจราจร จะมีการเจาะเลือดตรวจแอลกอฮอล์ เพื่อบันทึกเป็นประวัติในการพิจารณาเรื่องการต่อใบขับขี่ ทั้งนี้ ไม่สามารถปฏิเสธการเป่าแอลกอฮอล์ ขณะที่ผู้ที่ไม่สามารถเป่าได้ ก็จะให้เจาะเลือดตรวจ ส่วนเจ้าหน้าที่สามารถใช้ดุลพินิจในการส่งตรวจได้ แต่ถ้าหากมีเหตุเกิดขึ้นแล้ว แต่ไม่ดำเนินการ ก็จะมีความผิดในฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้ ปัญหาของการตรวจแอลกอฮอล์ในเลือดนั้น เดิมจะมีงบให้ทางด่านตรวจหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ 7 วันอันตราย แต่ในอนาคตเราจะหางบประมาณเพื่อให้ทำได้ทุกช่วงเวลา ซึ่งกรมควบคุมโรคเป็นผู้ดำเนินการหางบประมาณดังกล่าว” นายสาธิตกล่าว

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ปัญหาการดื่มแล้วขับยังไม่มีแนวว่าจะลดลง ยังพบมีการขายในสถานที่และเวลาห้ามขาย กรมควบคุมโรคซึ่งรับผิดชอบ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 จึงได้เน้นย้ำให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทำงานเชิงรุก โดยช่วงก่อนเทศกาล ให้ออกตรวจ ประชาสัมพันธ์และบังคับใช้กฎหมายร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึง สุ่มตรวจการกระทำผิดกฎหมาย การขายสุราในสถานที่ห้ามขาย และสำรวจร้านค้าในชุมชนที่ขายสุราในเวลาห้ามขาย นอกจากนี้ ขอความร่วมมือผู้ประกอบการปฏิบัติตามกฎหมายเรื่องสถานที่ห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะสถานที่ราชการ สวนสาธารณะ การขายให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ซึ่งหากพบผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนที่อายุต่ำกว่า 20 ปี และมีการดื่มสุรา จะส่งข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนและดำเนินคดีไปถึงผู้ขาย ทั้งนี้ หากประชาชนพบเห็นผู้กระทำผิดกฎหมาย แจ้งได้ที่ศูนย์ร้องเรียนบุหรี่และสุรา สำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 0-2590-3342 หรือสายด่วน 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง

นพ.โอภาสกล่าวว่า สำหรับค่าใช้จ่ายในการตรวจเลือดเพื่อหาระดับแอลกอฮอล์เฉลี่ยรายละ 1,000 บาท โดยที่ผ่านมาช่วง 7 วันอันตรายในปีใหม่ที่ผ่านมา ใช้งบประมาณไปราว 1-2 ล้านบาทในการตรวจ ซึ่งกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ดำเนินการโดยมีเสียค่าใช้จ่าย ทั้งนี้ หากจะต้องทำตามแผนนโยบายเจาะเลือดกรณีที่มีอุบัติเหตุ หรือการกระทำผิดบนท้องถนนในทุกรายที่ไม่สามารถเป่าวัดแอลกอฮอล์ได้ กรมควบคุมโรคจึงต้องดำเนินการจัดหางบประมาณมาเพิ่มเติม คาดว่าจะใช้ปีละ 20-30 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม กรณีหากเกิดอุบัติเหตุทางถนน และพบผู้บาดเจ็บอายุต่ำกว่า 20 ปีจะมีการตรวจหาแอลกอฮอล์ในเลือด ถ้าพบก็จะส่งข้อมูลไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเอาผิดกับผู้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้แก่เด็กด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด สำหรับผู้ใหญ่ต้องมีแอลกอฮอล์ไม่เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ส่วนเด็กต้องไม่เกิน 20 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ถ้าเป็นผู้ขับขี่สาธารณะต้องศูนย์มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์

ด้าน นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ให้บริการสอบเทียบเครื่องวัดแอลกอฮอล์จากลมหายใจ เพื่อสร้างความมั่นใจในผลการวัดของเครื่องวัดแอลกอฮอล์จากลมหายใจ สนับสนุนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ในการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทางถนนจากผู้ขับขี่ยานพาหนะที่เมาสุรา นอกจากนี้ ยังคงให้ความร่วมมือในการตรวจวิเคราะห์ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือด กรณีที่เกิดอุบัติเหตุแล้วผู้ขับขี่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงจนไม่สามารถเป่าเครื่องวัดแอลกอฮอล์โดยวิธีเป่าลมหายใจได้ เพื่อสนับสนุนการป้องกันและลดการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2565

สำหรับวันควบคุมเข้มข้นวันที่ 11-17 เมษายน 2565 โดยยกเว้นค่าตรวจวิเคราะห์ โดยสามารถตรวจและรายงานผลภายใน 24 ชั่วโมง โดยขอให้เจ้าหน้าที่ในสถานพยาบาลควรเจาะเลือดเก็บตัวอย่างภายใน 6 ชั่วโมงหลังเกิดอุบัติเหตุ และส่งตัวอย่างเพื่อตรวจวิเคราะห์ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดที่ห้องปฏิบัติการศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ 15 แห่ง ทั้งส่วนกลางและภูมิภาค ซึ่งช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจวิเคราะห์ปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดจำนวน 784 ราย อายุระหว่าง 10-84 ปี พบปริมาณแอลกอฮอล์เกินกฎหมายกำหนดร้อยละ 55 ช่วงอายุที่พบมากที่สุดคือ 20–29 ปี พาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ รถจักรยานยนต์ รถปิกอัพ และรถเก๋ง

เมื่อถามว่า การตรวจระดับแอลกอฮอล์ในเลือด สามารถทำได้ในการจราจรทางน้ำหรือไม่ นายสาธิต กล่าวว่า จริงๆ ต้องไปดูรายละเอียด เพราะท่าเรือสาธารณะ สามารถตรวจได้ แต่เมื่ออยู่บนเรือก็เป็นที่เอกชนก็ต้องมีการประกาศเพิ่ม ซึ่งเป็นอำนาจของผู้รักษาการของ พ.ร.บ.นั้นๆ คือท่านนายกรัฐมนตรี แต่จะมอบอำนาจให้รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งตนเห็นด้วยว่า ควรประกาศเพิ่ม เนื่องจากเราไม่ได้ตรวจทั่วไป ต้องมีเหตุจึงจำเป็นตรวจ อย่างตอนนี้แม่น้ำเจ้าพระยาก็เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวชอบการล่องเรือมาก โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ความสนใจ ก็มีการพูดคุยว่า ก่อนสงกรานต์ควรมีการไปตรวจสอบมาตรกฐานการขับขี่ ขนส่งสาธารณะต่างๆด้วย เพื่อสร้างความเชื่อมั่น

“กรณีการดำเนินคดีจริงๆ เครื่องเป่าที่ได้มาตรฐานก็สามารถบอกได้เลยว่า มีแอลกอฮอล์เท่าไหร่ สามารถนำไปใช้ดำเนินคดีได้ เว้นผู้เกิดอุบัติเหตุไม่สามารถอยู่ในสถานะเป่าแอลกอฮอล์ ก็นำเลือดไปตรวจได้ ส่วนคนปฏิเสธการเป่าก็เป่าไม่ได้ เจ้าหน้าที่สามารถสันนิษฐานว่าเมา ส่วนเมื่อมีการสอบสวน หรือพิจารณาแล้วไม่เกินมาตรฐานก็จะเป็นขั้นตอนต่อไป” นายสาธิตกล่าว

 

 

 

https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_3270675

 



เรื่องอื่นๆ


คะแนนจราจรใหม่ มี 12 คะแนนเท่ากัน เมาแล้วขับ ตัดแต้มสูงสุด
คะแนนจราจรใหม่ มี 12 คะแนนเท่ากัน เมาแล้วขับ ตัดแต้มสูงสุด

17 ก.ค. 65 / อ่าน 980

ประกาศแล้ว! ระเบียบใหม่ ยึดใบอนุญาตขับขี่ และ ระงับการใช้รถชั่วคราว
ประกาศแล้ว! ระเบียบใหม่ ยึดใบอนุญาตขับขี่ และ ระงับการใช้รถชั่วคราว

15 ก.ค. 65 / อ่าน 927

สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระคติธรรม 'วันงดดื่มสุรา' จงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม
สมเด็จพระสังฆราช ประทานพระคติธรรม 'วันงดดื่มสุรา' จงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม

14 ก.ค. 65 / อ่าน 1053

คำขวัญนายกรัฐมนตรี ในวันงดดื่มสุราแห่งชาติ ปลอดเหล้า ปลอดโรค ปลอดภัย ห่างไกลโควิด-19
คำขวัญนายกรัฐมนตรี ในวันงดดื่มสุราแห่งชาติ ปลอดเหล้า ปลอดโรค ปลอดภัย ห่างไกลโควิด-19

12 ก.ค. 65 / อ่าน 968

ตร.เตือนห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์วันอาสาฬหบูชา-วันเข้าพรรษา
ตร.เตือนห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์วันอาสาฬหบูชา-วันเข้าพรรษา

12 ก.ค. 65 / อ่าน 696

สธ. เผยความเห็น ปชช. พบ 83.5% ไม่เที่ยวสถานบันเทิง หวั่นเสี่ยงโควิด
สธ. เผยความเห็น ปชช. พบ 83.5% ไม่เที่ยวสถานบันเทิง หวั่นเสี่ยงโควิด

12 ก.ค. 65 / อ่าน 586

ดูข่าวรอบสัปดาห์ทั้งหมด


ค่าใช้จ่ายที่คุณดื่มใน 1 สัปดาห์

(บาท)
  • หลังจาก 1 เดือน
         คุณจะต้องจ่าย บ.
  • หลังจาก 6 เดือน
         คุณจะต้องจ่าย บ.
  • หลังจาก 1 ปี
         คุณจะต้องจ่าย บ.
  • หลังจาก 5 ปี
         คุณจะต้องจ่าย บ.

หมวดข่าว

  • ข่าวรอบสัปดาห์
  • ข่าวภัยจากน้ำเมา
  • ข่าวรณรงค์
  • ข่าวงดเหล้าทั่วไทย
  • ข่าวต่างประเทศ
  • ข่าวประชาสัมพันธ์
  • สุขปลอดเหล้า
  • ประกาศจัดซื้อจัดจ้าง

เครือข่าย

  • เครือข่ายงดเหล้าภาคเหนือบน
  • เครือข่ายงดเหล้าภาคเหนือล่าง
  • เครือข่ายงดเหล้าภาคอีสานบน
  • เครือข่ายงดเหล้าภาคอีสานล่าง
  • เครือข่ายงดเหล้าภาคตะวันออก
  • เครือข่ายงดเหล้าภาคกลาง
  • กรุงเทพมหานคร
  • เครือข่ายงดเหล้าภาคตะวันตก
  • เครือข่ายงดเหล้าภาคใต้
  • เครือข่ายงดเหล้าภาคใต้ตอนล่าง

Links

  • เกี่ยวกับ stopdrink.com
  • ปรึกษาการเลิกเหล้า 1413
  • Stopdrink TV
  • สื่อรณรงค์/ดาวน์โหลด
  • รวมลิงค์
  • ติดต่อเรา

สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.)
110/287-288 ม.6 ซอยโพธิ์แก้ว แยก 4 ถ.โพธิ์แก้ว แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม. 10240
โทร 02 948 3300 , Fax สคล. 02 948 3930, Fax สปอนเซอร์ชิป 02 948 3302
eXTReMe Tracker