-
หลังจาก 1 เดือน
คุณจะต้องจ่าย บ. -
หลังจาก 6 เดือน
คุณจะต้องจ่าย บ. -
หลังจาก 1 ปี
คุณจะต้องจ่าย บ. -
หลังจาก 5 ปี
คุณจะต้องจ่าย บ.
"เชื่อบอสแล้วจะไปได้สวย" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การกุมบังเหียนของ เอริก เทน ฮาก เต็มไปด้วยกฎระเบียบและข้อบังคับมากมาย โดยเหตุผลสำคัญก็เพราะเขาต้องการที่จะปรับพฤติกรรมของลูกทีมให้กลับมามีความเป็นมืออาชีพเต็มร้อย หลังหย่อนยานเรื่องระเบียบวินัยมานานหลายปี
ช่วงที่ผ่านมา กุนซือชาวดัตช์ แสดงให้เห็นถึงความเฮี้ยบเรื่องการฝึกซ้อมอย่างมาก ล่าสุดก็มีคลิปที่เขาลงคุมลูกทีมฝึกซ้อม พร้อมกับตำหนินักเตะ "ปีศาจแดง" หลายคนที่ทำผิดพลาดมากมาย ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวต้องการปรับแนวทางการเล่นของทีมให้ทันสมัย และพร้อมสำหรับสู้ศึกในฤดูกาล 2022/2023
นอกจากเรื่องการซ้อมแล้ว เทน ฮาก ยังเน้นเรื่องระเบียบวินัยอย่างยิ่ง โดยเขาพยายามทำตามแบบของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตำนานกุนซือแมนฯ ยูไนเต็ด เพราะต้องการให้สโมสรกลับมาทำผลงานให้ดีขึ้นกว่าซีซั่นที่ผ่านมา ซึ่งจบฤดูกาลในอันดับ 6 แถมมีคะแนนย่ำแย่ที่สุดในยุคพรีเมียร์ลีก
การที่สโมสรจบซีซั่นมือเปล่าทำให้ทีมไร้โทรฟี่แชมป์มาประดับในตู้โชว์ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด 5 ปีติดต่อกัน ขณะเดียวกันพวกเขาไม่ได้สัมผัสแชมป์ลีกสูงสุดเมืองผู้ดี 9 ปีเข้าไปแล้ว ซึ่งแน่นอนว่า เทน ฮาก ต้องการสร้างทีมให้แข็งแกร่งเพื่อโอกาสในการลุ้นความสำเร็จในซีซั่นใหม่
ฉะนั้นการที่ทัพ "เร้ด เดวิลส์" จะแข็งแกร่งได้ก็ต้องมีระเบียบวินัย และนั่นทำให้เขาจำเป็นต้องสร้างกฎเหล็กขึ้นมาเพื่อให้ลูกทีมปฏิบัติตาม เพราะหากปล่อยปละละเลยเหมือนช่วงที่ผ่านมา โอกาสที่พวกเขาจะพังพินาศอีกปีก็มีความเป็นไปได้สูง
สำหรับ 5 กฎเหล็กสำคัญของ เทน ฮาก ก็เพื่อให้ทุกๆ คนมีความพร้อมทั้งในร่างกาย และจิตใจ แล้วกฎเหล่านั้นมีอะไรบ้างไปดูกันเลยดีกว่า
1. นักเตะมีสิทธิ์พูดเปิดอกถึงปัญหาต่างๆ โดยตรงกับ เทน ฮาก มากกว่าคุยกับเอเยนต์ของพวกเขา
เรื่องราวเกี่ยวกับการบ่นพร่ำคร่ำครวญของนักเตะที่ออกมาจากเอเยนต์ได้กลายเป็นประเด็นของสโมสร ดูเหมือนว่านักเตะเริ่มเปิดเผยปัญหาของพวกเขาที่มีกับสโมสรหรือผู้จัดการทีม กับเอเยนต์ และทีมงานของพวกเขา แทนที่จะเปิดเผยกับทีมโดยตรงซึ่งนั่นเป็นการสร้างบรรยากาศที่เป็นพิษ
ด้วยการที่ เทน ฮาก แจ้งกับลูกทีมว่าพวกเขาควรจะพูดคุยกับเขาโดยตรงเกี่ยวกับปัญหาต่างๆ หรือความคับข้องใจ โดยวิธีการนี้ นายใหญ่ชาวดัตช์ ต้องการพยายามสร้างความผูกพันแบบแน่นแฟ้นกับนักเตะ และเป็นการตัดปัญหาข้อมูลรั่วไหลไปเข้าหูสื่อซึ่งมักจะเกิดขึ้นทุกครั้งที่นักเตะมีปัญหากับต้นสังกัด
การทำแบบนี้ทำให้ เทน ฮาก ได้เห็นว่านักเตะคนไหนที่เชื่อใจเขา และใครที่ไม่เชื่อใจ เพราะคนที่ปล่อยให้ปัญหารั่วไหลไปถึงหูเอเยนต์บ่อยครั้งมักจะมีวาระซ่อนเร้นโดยต้องการให้ความรู้สึกผิดหวังและไม่พอใจปรากฎกับสื่อ แถมยังพูดให้เพื่อนร่วมทีมดูแย่หรือไร้ความรับผิดชอบในสายตาสื่อด้วย
2. นักเตะจะถูกดร็อปทันทีถ้าหากมาฝึกซ้อมหรือนัดประชุมทีมสาย
สิ่งหนึ่งที่ทำให้แฟนบอล "ปีศาจแดง" รู้สึกหงุดหงิดอย่างมากในช่วง 2-3 ฤดูกาลที่ผ่านมาก็คือนักเตะบางคนมีอำนาจเหนือกว่าผู้จัดการทีมหรือสโมสร ซึ่งนั่นเป็นปัญหาที่ทำให้กุนซือหลายคนต้องกระเด็นออกจากตำแหน่งมาแล้ว
เทน ฮาก ได้นำกฎที่สุดเข้มงวดโดยแจ้งกับลูกทีมว่าพวกเขาจะโดนดร็อปออกจากทีมชุดใหญ่หรือ 11 ตัวจริง ถ้าหากพวกเขามาฝึกซ้อมหรือนัดประชุมทีมสาย โดยไม่สนว่านักเตะคนนั้นจะมีชื่อเสียง หรือประสบความสำเร็จมาจากไหนก็ตาม การทำแบบนี้เพื่อแสดงให้นักเตะเห็นว่าเขาเป็นคนรับผิดชอบทีม ไม่ใช่คนอื่น
กฎนี้ถือว่าทำให้แฟนแมนฯ ยูไนเต็ด รู้สึกดีมากๆ เพราะพวกเขาเชื่อว่าทีมต้องการผู้จัดการทีมที่สามารถจัดการกับนักเตะได้อย่างเหมาะสม และทำให้พวกเขาต้องรู้จักเสียสละเพื่อทำให้ทัพ "ผีแดง" ทำผลงานให้ดียิ่งขึ้น
3. เครื่องดื่มแอลกอฮอลถูกสั่งแบนระหว่างสัปดาห์
วัฒนธรรมของอังกฤษบ่อยครั้งมักจะเน้นการเฉลิมฉลอง อย่างเช่นการนำแชมเปญออกมาราดกันอย่างมีความสุข และดื่มด่ำพวกมันอย่างเมามันหลังจากทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก หรือนักแข่งรถได้แชมป์เอฟวัน
อย่างไรก็ตาม ผลกระทบด้านสุขภาพจากการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอลเกิดขึ้นทั้งร่างกาย และจิตใจ ซึ่งเรื่องนี้มีเอกสารบันทึกเอาไว้มากมาย จากผลกระทบดังกล่าวจึงเป็นเหตุผลให้นักกีฬาจำเป็นต้องรักษาสภาพร่างกายให้ฟิตสมบูรณ์อยู่เสมอ
เครื่องดื่มแอลกอฮอลโดยเฉพาะเบียร์เป็นวัฒนธรรมที่หยั่งรากลึกในวงการฟุตบอลเมืองผู้ดี โดยมีนักเตะชั้นนำมากมายอย่างเช่น พอล เมอร์สัน ยอมรับว่าในช่วงระหว่างที่ยังค้าแข้งพวกเขาติดสุรางอมแงม และมักจะดื่มกันอย่างหนำใจหลังฝึกซ้อม
สำหรับ เทน ฮาก มีการประกาศชัดเจนว่าได้ยกเลิกการดื่มแอลกอฮอลทุกชนิด และถึงแม้ว่านักเตะส่วนใหญ่จะไม่ดื่มสุรายาเมาระหว่างฤดูกาลก็ตาม แต่การแบนแอลกอฮอลทั้งหมดก่อนการแข่งขันช่วยให้มั่นใจว่าพวกเขาอยู่ในสภาพที่ดีที่สุดเมื่อลงสนาม
4. นักเตะทุกคนต้องกินสิ่งที่เชฟของสโมสรจัดเตรียมเอาไว้ให้
ในอดีตนักเตะส่วนใหญ่มักจะมีเชฟส่วนตัวในการจัดเตรียมอาหารให้กับพวกเขา การทำแบบนี้มีเหตุผลรองรับมากมาย อย่างเช่นเชฟบางคนสามารถช่วยดูเรื่องปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับ หรือเป็นเพราะพวกเขาไม่มีเวลาทำอาหารเองในช่วงระหว่างฝึกซ้อม และอาจมีเหตุผลอื่นๆ เกี่ยวกับครอบครัวหรือในเชิงพาณิชย์
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้สามารถสร้างปัญหาให้กับสโมสรได้ เนื่องจากหากนักเตะมีเชฟส่วนตัว มันก็เป็นเรื่องยากมากที่ทีมสตาฟฟ์จะติดตามดูว่าพวกเขากินอะไรไปบ้าง และอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพก็ได้
เพื่อแก้ปัญหานี้ เทน ฮาก ก็เลยนำกฎใหม่มาใช้ด้วยการสั่งให้นักเตะทุกคนต้องกินอาหารจากเชฟของสโมสรเท่านั้น เพราะเขาอยากให้เชฟเตรียมเมนูอาหารที่เหมือนกับทุกครั้งเพื่อนักเตะ โดยแข้ง "ผีแดง" ห้ามนำเชพส่วนตัวมาที่สโมสรเด็ดขาด
นอกจากนี้ อดีตกุนซืออาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม สามารถตัดสินใจปรับเมนูอาหารที่สนามซ้อมแคร์ริงตัน โดยจะเน้นพวกผักและเนื้อปลาเป็นหลัก กระนั้น เทน ฮาก ก็ยังมีการอนุโลมหากลูกทีมต้องการเมนูพิเศษก็สามารถจัดเตรียมให้ได้ โดยทีมโภชนาการและพ่อครัวจะช่วยกันจัดหาให้ตามความเหมาะสม
5. ต้องมีการตรวจเช็กค่าดัชนีมวลกาย (บีเอ็มไอ) เป็นประจำทุกเดือน
นี่เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยรักษาสภาพความฟิต และความสมบูรณ์ของนักเตะเอาไว้ได้ตลอด โดย เทน ฮาก ต้องการให้สโมสรมีการตรวจเช็คค่าบีเอ็มไอผู้เล่นทุกคนเพื่อเป็นการประเมินสภาพร่างกายของพวกเขา
หลายคนที่ชอบเล่นกีฬาส่วนใหญ่จะรู้จักค่า "บีเอ็มไอ" แต่บางคนก็อาจไม่รู้จัก โดย "บีเอ็มไอ" หรือ "ค่าดัชนีมวลกาย" เป็นมาตรการที่ใช้ประเมินภาวะอ้วนและผอมในผู้ใหญ่ ตั้งแต่อายุ 20 ปีขึ้นไป
วิธีการวัดแบบง่ายๆก็คือนำส่วนสูงกับน้ำหนักมาใช้ในการคำนวณ ซึ่งจะช่วงบ่งบอกเรื่องสุขภาพของนักเตะเหล่านั้นได้ในระดับหนึ่ง และนั่นจะเป็นการช่วยให้พวกเขาได้รู้ตัวว่าจะต้องแก้ปัญหาเรื่องสุขภาพยังไง
แน่นอนว่าการรู้ค่า "บีเอ็มไอ" ของลูกทีม ทำให้ เทน ฮาก และทีมสตาฟฟ์ของเขาสามารถปรับเปลี่ยนการฝึกซ้อมหรืออาหารให้เหมาะสมกับนักเตะแต่ละคน และยังสามารถมองเห็นว่าผู้เล่นคนไหนควรจะเสริมหรือลดอะไรเพื่อให้พวกเขาแข็งแกร่งตลอดเวลา
ทอมเม้ง
https://www.siamsport.co.th/football/premierleague/view/289954
18 ก.ค. 65 / อ่าน 1469
8 ก.ค. 65 / อ่าน 1450
8 ก.ค. 65 / อ่าน 1654
29 มิ.ย. 65 / อ่าน 1560
28 มิ.ย. 65 / อ่าน 809
27 มิ.ย. 65 / อ่าน 861