-
หลังจาก 1 เดือน
คุณจะต้องจ่าย บ. -
หลังจาก 6 เดือน
คุณจะต้องจ่าย บ. -
หลังจาก 1 ปี
คุณจะต้องจ่าย บ. -
หลังจาก 5 ปี
คุณจะต้องจ่าย บ.
“ตอนนี้ต่างคนก็ร่างกายไม่ปกติกันทั้งคู่ ถ้าผมไม่ดูแลลูก แล้วใครจะดูแลพวกเรา เพราะเรามีกันแค่สองคน” นายคุณากร กนิษฐายน อายุ 55 ปี พ่อที่ต้องดูแลลูกพิการจากอุบัติเหตุมานานกว่า 8 ปี เปิดใจกับทีมข่าวฯ ถึงชีวิตปัจจุบันที่สุดแสนรันทด นอกจากต้องดูแลลูกชายพิการจากอุบัติเหตุซ้อนท้ายเพื่อนเมาแล้วขับรถจักรยานยนต์เสียหลักพุ่งชนฟุตปาท กระดูกไขสันหลังกระทบกระเทือนรุนแรงทำให้ตั้งแต่เอวจนถึงเท้าไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ กลายเป็นคนพิการ นั่งวีลแชร์ตลอดชีวิต
“ตั้งแต่วันลูกป่วย ตอนผมยังปกติดี ไม่ป่วย ขับรถได้ ผมก็ดูแลลูกมาตลอด เทียวไปเฝ้าดูแลที่ รพ. พอกลับมาบ้านก็ดูแลทุกอย่าง อุ้มอาบน้ำ หาข้าวให้กิน ถึงบ้างครั้งจะเหนื่อย แต่พอมองเห็นลูกที่เดินไม่ได้ ก็มีกำลังใจทำให้เราสู้ เพราะขนาดลูกเดินไม่ได้เขายังสู้เลย เราเป็นพ่อ ร่างกายปกติดีก็ต้องสู้ต่อให้ได้สิ” นายคุณากรบอกเล่าความรู้สึกช่วงที่ดูแลลูก (นายปฐวี กนิษฐายน) เมื่อครั้งที่สภาพร่างกายของตัวเองยังแข็งแรง และถึงแม้จะเหนื่อยกับการทำงานรับจ้างตอกเสาเข็มมากแค่ไหน แต่เมื่อกลับมาถึงบ้านก็รู้สึกหายเหนื่อยเพราะได้กลับมาเจอลูก
เมื่อลูกต้องพิการ ชีวิตของทั้งสองก็เปลี่ยนไป จากที่เคยไปไหนมาไหนสะดวกสบาย ก็กลายเป็นลำบาก ลูกต้องนั่งรถเข็นแทน จะไปทำธุระนอกบ้าน ไปหาหมอก็ต้องอุ้มขึ้นลงรถ แต่ด้วยความรักของพ่อ นายคุณากรไม่เคยบ่น ด้วยการงานที่มีเพื่อนไม่มาก และมีกันแค่สองคนพ่อลูก ในบางครั้งที่รู้สึกเครียด หรือท้อ นายคุณากรเลือกเก็บไว้คนเดียว ไม่อยากให้ลูกรับรู้ เพราะกลัวลูกทุกข์ใจไปด้วย วิธีช่วยให้คลายทุกข์ที่นายคุณากรทำเป็นประจำ คือ ดื่มเหล้า สูบบุหรี่
ด้วยหัวอกคนเป็นพ่อ ไม่ว่าลูกจะเป็นอย่างไร นายคุณากรตั้งปณิธานไว้ จะขอดูแลลูกให้ดีที่สุดเท่าที่พ่อคนหนึ่งจะทำเพื่อลูกได้ จะคอยเป็นเท้าแทนลูก เข็นลูกไปในทุกๆ ที่ที่ลูกอยากเห็น อยากไป แต่แล้ววันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด พี่สาวสังเกตเห็นนายคุณากรเดินตัวเอียงๆ อยู่นานหลายวัน แขน ขาซีกซ้ายเริ่มไม่มีแรง จึงรบเร้าให้ไปพาหมอ และผลยืนยันนายคุณากร “เส้นเลือดในสมองตีบ” ทำให้ ร่างกายตั้งแต่ซีกซ้ายเป็นอัมพฤกษ์ ส่วนซีกขวาอ่อนแรง ขาเดินไม่ได้ มือหยิบฉวยไม่ถนัด
ได้ยินแล้วน้ำตาคนเป็นพ่อไหลออกมาโดยไม่อายใคร ไม่ได้เสียใจที่ตัวเองต้องป่วย แต่เสียใจที่ตัวเองจะดูแลลูกไม่ได้สะดวกเหมือนเดิมสาเหตุที่เส้นเลือดในสมองตีบ หมอแจ้งว่าเกิดจากการดื่มเหล้าสูบบุหรี่หนักมานานหลายสิบตั้งแต่วัยหนุ่ม เมื่อตัวเองต้องมาป่วย นายคุณากรยอมรับเครียดและกังวลใจมาก เพราะมีกันแค่สองคน จากที่ดูแลลูกกลายเป็นลูกที่นั่งรถเข็น ต้องพยายามช่วยพยุงพ่อ เช็ดตัวให้พ่อ ป้อนข้าวให้พ่อ ผลัดกันดูแลกันสองคนพ่อลูก กว่าจะผ่านช่วงนั้นมาได้นายคุณากรบอกเป็นเรื่องยากมาก แต่เพราะหน้าที่พ่อ ต้องสู้เพื่อลูก อยู่เพื่อลูก
ในความโชคร้ายยังมีความโชคดี อาการป่วยของนายคุณากร หมอบอกว่ามีโอกาสดีขึ้น หากทำกายภาพบำบัดเป็นประจำ นายคุณากรจึงมุ่งมั่นกว่าปี จนสามารถเดินได้ แม้ไม่ได้เป็นปกติเหมือนเดิม ต้องเดินเกร็งๆ เดินลำบาก ลากขาข้างที่ไม่มีแรง แต่นายคุณากรก็ดีใจเป็นอย่างมากที่ไม่ต้องนอนเป็นภาระให้ลูกต้องดูแล
กว่า 2 ปีที่นายคุณากรต้องป่วย นอกจากดูแลตัวเองแล้วยังต้องดูแลลูกไปด้วย ในยามร่างกายปกติก็ยอมรับว่าบางครั้งเหนื่อยมากพอแล้ว พอมาป่วยอีกยิ่งทำให้เหนื่อย และลำบากมากยิ่งขึ้น แต่นายคุณากรก็ยืนยันว่า จะทำหน้าที่พ่อให้ถึงที่สุด เพราะมีกันแค่สองคนเท่านั้น ยิ่งตอนนี้ขับรถไม่ได้ ไปไหนมาไหนกับลูกก็ต้องนั่งรถแท็กซี่ บางครั้งก็เจอปัญหาถูกปฏิเสธ ชีวิตลำบากมากยิ่งขึ้น
“ถ้าเราไม่อยู่ใครจะดูแลลูก หากย้อนเวลากลับไปได้จะไม่ดื่มเหล้าไม่ยุ่งเกี่ยวกับบุหรี่ เพราะมันทำลายชีวิตเราและคนที่เรารัก ครอบครัวเราได้บทเรียนชีวิตที่หนักมาก สุขภาพไม่ใช่เรื่องเล่นๆ หรือให้ความสำคัญในลำดับท้ายๆ เพราะเวลาที่เราแย่มันสุดๆ จริงๆ” นายคุณากรฝากทิ้งท้ายให้กับผู้ที่ชอบดื่มเหล้า สูบบุหรี่
10 พ.ค. 65 / อ่าน 115
9 พ.ค. 65 / อ่าน 139
9 พ.ค. 65 / อ่าน 159
3 พ.ค. 65 / อ่าน 236
22 เม.ย. 65 / อ่าน 282
16 เม.ย. 65 / อ่าน 349